ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การพิจารณาวุฒิการศึกษาต้องดูว่าเรียนด้านไหน

 คดีหมายเลขดำที่        อ.๒๔๙/๒๕๔๘
 คดีหมายเลขแดงที่    อ.๔๘/๒๕๕๒                                                                                                                                                                                                                                   
  ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
                                                                     ศาลปกครองสูงสุด
                                                  วันที่  ๒๗  เดือน กุมภาพันธ์  พุทธศักราช ๒๕๕๒

เรื่อง  คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
     (อุทธรณ์คำพิพากษา)


         ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ๒๐/๒๕๔๗ หมายเลขแดงที่ ๖๙/๒๕๔๘ ของศาลปกครองชั้นต้น
(ศาลปกครองขอนแก่น)
          คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีจบวุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์ จากสถาบันราชภัฏอุดรธานี และจบวุฒิการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยวิทยาเขตหนองคาย ได้สมัครสอบแข่งขันในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ โดยสอบแข่งขันได้ลำดับที่ ๒๑ ตามประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เรื่อง ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล ประจำปี ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๕ ต่อมาสำนักงานเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน
ได้มีหนังสือ ที่ สค ๕๒๑๐๕/๑๒๘๖ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ตอบข้อหารือของเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน แจ้งตามหนังสือสำนักงาน ก.ท.จ.สมุทรสาคร ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เรื่อง หารือ
วุฒิการศึกษาผู้สอบแข่งขันได้ ว่าไม่สามารถบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้เป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะการพิจารณาวุฒิการศึกษาดังกล่าวไม่เป็นสาระสำคัญ การพิจารณาควรคำนึงถึงหลักสูตรเนื้อหาวิชาที่เรียนมากกว่า เพราะเนื้อหาวิชาเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นวิชาเดียวกันกับด้านการศึกษา เพียงแต่ไม่ได้มีวิชาครูซึ่งเป็นวิชาชีพทางด้านการศึกษา แต่ผู้ฟ้องคดีก็ได้ศึกษาวิชาครูเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งเป็นวิชาชีพทางด้านการศึกษา อีกทั้ง มีผู้ที่ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้เป็นพนักงานครูเทศบาลของผู้ที่มี
วุฒิการศึกษาเดียวกันที่สอบแข่งขันได้ที่เทศบาลแห่งอื่น เช่น เทศบาลนครขอนแก่น เป็นต้น ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อขอให้ตรวจสอบการหารือดังกล่าว ผลการตรวจสอบผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ยืนยันตามหนังสือ ที่ มท ๐๘๐๙.๓/๑๓๘๒ ลงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๔๖ และผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือลงวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๖ ถึงนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เพื่ออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
แต่จนกระทั่งถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีได้รับ
ความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กระทำการอันเป็นการผิดขั้นตอน
ของการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร กล่าวคือ ประกาศบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิสอบแข่งขันและบัญชีรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในการสอบบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล
ประจำปี ๒๕๔๕ โดยอ้างว่า กำลังตรวจสอบคุณสมบัติกับ ก.ท. ทั้ง ๆ ที่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติมาแล้ว แต่กลับละเว้นการบรรจุแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีตามประกาศลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๕ ซึ่งผู้ฟ้องคดีสอบได้ในลำดับที่ ๒๑ ส่วนการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่หารือไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ และสำนักงาน ก.ค. สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ แล้วมีหนังสือสั่งไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เพื่อวินิจฉัยว่าผู้ฟ้องคดีไม่มีคุณสมบัตินั้น เป็นการหารือที่ยังหาข้อยุติ

ไม่ได้ชัดเจน และยังไม่เกิดความเป็นธรรมกับผู้ฟ้องคดี ส่วนผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ วินิจฉัยว่า
วุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีไม่ตรงกับตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา (ปริญญาวิชาชีพเฉพาะทาง) ซึ่งสาขาวิชาเอกจะต้องตรงตามที่ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันไว้เท่านั้น แต่ปรากฏว่าเทศบาลนครขอนแก่นซึ่งจัดให้มีการสอบพนักงานครูเทศบาลจากผู้ซึ่งมี
วุฒิการศึกษาและจบจากสถาบันเดียวกันกับผู้ฟ้องคดียังได้รับการบรรจุแต่งตั้งคือ
นายทองแดง  นาหนองตูม ซึ่งจบจากสถาบันราชภัฏอุดรธานี ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต โปรแกรมวิชาสถิติประยุกต์ ได้รับการบรรจุให้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ณ โรงเรียนเทศบาลในสังกัดเทศบาลนครขอนแก่น ตามคำสั่งที่ ๒๒/๒๕๔๑  ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ วินิจฉัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นการกระทำที่เลือกปฏิบัติต่อผู้ฟ้องคดี
        ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ดังนี้
        ๑. เพิกถอนหนังสือตอบข้อหารือวุฒิการศึกษาผู้สอบแข่งขันได้ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ตามหนังสือ ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ซึ่งยืนยันว่าผู้ฟ้องคดี ซึ่งได้รับวุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์ จากสถาบันราชภัฏอุดรธานีสมัครสอบในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติตามตำแหน่งดังกล่าว จึงไม่สามารถบรรจุและแต่งตั้งให้เป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งดังกล่าวได้
        ๒. ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ซึ่งยืนยันว่าวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีไม่ตรงตามประกาศของเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ฉบับลงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๔๖
        ๓. ขอให้เพิกถอนคำสั่งไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานครูเทศบาลของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตามหนังสือ ที่ สค ๕๒๑๐๕/๑๒๘๖ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖
และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ สั่งบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ นับแต่วันประกาศผลสอบ
        ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ให้การว่า  ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีประกาศเทศบาล
เมืองกระทุ่มแบน เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ
เป็นพนักงานครูเทศบาล ประจำปี ๒๕๔๕ ในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ขั้น ๖,๓๖๐ บาท
รวม ๘ สาขาวิชา ซึ่งรวมตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนวิชาเอกคณิตศาสตร์ด้วย โดยได้ระบุคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของครูปฏิบัติการสอนวิชาเอกคณิตศาสตร์ว่า
ต้องสำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปทางการศึกษา สาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ หรือปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์ และปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้จะต้องเป็นวุฒิที่ ก.ท. รับรองและกำหนดไว้ให้เป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา แต่วุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีคือวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์ไม่ใช่สาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ จึงมิได้เป็นไปตามที่ระบุไว้
ในประกาศ นอกจากนี้สถาบันราชภัฏเองก็ได้มีหลักสูตรหรือวุฒิการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต วิชาเอกคณิตศาสตร์แยกต่างหากจากวิชาเอกสถิติประยุกต์ กรณีจึงมิใช่พิจารณา
จากเนื้อหาวิชาที่เรียนตามที่ผู้ฟ้องคดีเข้าใจในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ขั้นตอนตามระเบียบและหนังสือสั่งการอย่างรอบคอบและรัดกุม
โดยคำนึงถึงความถูกต้องเป็นธรรมต่อผู้สมัครทุกคน ทั้งนี้ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ท. ด่วนมาก ที่ มท ๐๓๑๒.๑/ว ๑๓๔๑ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕ การที่คณะกรรมการฯ
ยังไม่พิจารณาตัดสิทธิผู้ฟ้องคดีในขณะนั้นและยังให้ปรากฏชื่อเป็นผู้มีสิทธิสอบ เนื่องจากคณะกรรมการฯ ยังไม่อาจวินิจฉัยคุณสมบัติเกี่ยวกับเรื่องวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดี
ในขณะนั้น หากตัดสิทธิผู้ฟ้องคดีแล้วเกรงว่าจะไม่เป็นธรรมต่อผู้ฟ้องคดีและผู้สมัครผู้อื่น
จึงคงให้มีชื่อในการสอบ ส่วนการทำเครื่องหมายวงกลมที่เลขประจำตัวของผู้ฟ้องคดีหรือผู้สมัครรายอื่น โดยหมายเหตุว่ากำลังตรวจสอบคุณสมบัติ ก.ท. นั้น เป็นไปตามหนังสือสำนักงาน ก.ท. ด่วนมาก ที่ มท ๐๓๑๒.๑/ว ๑๒๕๕ ลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๓ เรื่อง การสอบเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยาประจำปี ๒๕๔๓ มิได้เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบตามที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้าง  ดังนั้น เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
ได้พิจารณาโดยอาศัยข้อหารือจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และหนังสือสั่งการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ แล้ว จึงไม่บรรจุแต่งตั้งผู้ฟ้องคดี เนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบถ้วน จึงเป็นการออกคำสั่ง
โดยชอบแล้ว
        ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลสั่ง ถือว่า
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ยอมรับตามคำฟ้อง ต่อมาศาลสั่งให้ทำคำชี้แจงได้ความโดยสรุปว่า
ตามประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เรื่อง ประกาศรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาลประจำปี ๒๕๔๕ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๕ แม้จะมีรายชื่อผู้ฟ้องคดีในลำดับที่ ๒๑ แต่ในประกาศดังกล่าว
มีข้อความว่า สำหรับผู้ที่มีเครื่องหมายวงกลมรวมถึงผู้ฟ้องคดีเป็นบุคคลที่ทางเทศบาลเมืองกระทุ่มแบนกำลังตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานครูเทศบาล หากเทศบาล
ได้ตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติก็ให้ถือว่าบุคคลนั้นขาดคุณสมบัติในการสอบและ
ไม่มีสิทธิในการรับบรรจุและแต่งตั้ง ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มิได้นิ่งนอนใจได้หารือไปยัง
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ตามหนังสือลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๕ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครได้มีหนังสือหารือไปยังสำนักงาน ก.ท. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ตามหนังสือ
ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๕ และต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้ตอบหนังสือ ที่ มท ๐๘๐๙.๓/๘๖๐ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๕ ว่า คุณสมบัติของผู้ฟ้องคดีเป็นสาขาวิชาเอกที่ไม่ตรงกับคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของผู้สมัครสอบเป็นพนักงานครูเทศบาล ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจึงได้มีหนังสือ ด่วนมาก ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ แจ้งมายังผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ว่าไม่สามารถบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้เป็นพนักงานครูเทศบาล ในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ได้กรณีถือได้ว่า
ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติในการสอบและไม่มีสิทธิได้รับการบรรจุแต่งตั้ง  ดังนั้น หนังสือ
ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จึงมีผลผูกพันตามกฎหมายที่
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จำต้องปฏิบัติตาม และได้ออกคำสั่งปฏิเสธที่จะบรรจุผู้ฟ้องคดีโดยชอบแล้ว
        ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ให้การว่า ในกรณีของผู้ฟ้องคดีซึ่งได้รับวุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์ ไม่ใช่สาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ จึงต้องพิจารณาว่าสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์เป็นปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ทางคณิตศาสตร์หรือไม่ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้เทียบเคียงกับแนวทางปฏิบัติของ ก.ค. หรือ ก.พ. และเมื่อสำนักงาน ก.ค. ปฏิเสธ
การพิจารณาตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ หารือ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ จึงได้พิจารณาโดยใช้การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรวิชาชีพที่ ก.พ. รับรองไว้ว่า เป็นปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพทางใด ปรากฏว่า คุณวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีตามที่สำนักงาน ก.พ. ได้รับรองไว้ ตามหนังสือ ที่ นร ๐๗๐๘/ว ๗ ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๓๗ เป็นปริญญาทางสถิติและทางสถิติประยุกต์ไม่ใช่ทางคณิตศาสตร์  ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ พิจารณาเกี่ยวกับวุฒิ การรับรองวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีว่ามีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่เทศบาลเมืองกระทุ่มแบนประกาศรับสมัครสอบแข่งขันจึงชอบแล้ว ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างว่ามีผู้จบปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์ จากสถาบันราชภัฏอุดรธานีเช่นเดียวกับ
ผู้ฟ้องคดีได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานครูเทศบาลนครขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๑  ดังนั้น กรณีของผู้ฟ้องคดีจึงควรได้รับการพิจารณาบรรจุให้เป็นครูผู้ปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ได้เช่นเดียวกัน นั้น กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งในระหว่างเวลาดังกล่าวยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานทั่วไป แต่สำหรับกรณีของผู้ฟ้องคดีนั้นต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดให้มีองค์กร
ในการบริหารงานบุคคลประกอบด้วยคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคล
ส่วนท้องถิ่น (ก.ถ.) คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท.) และคณะกรรมการพนักงานเทศบาล (ก.ท.จ.)  ดังนั้น เมื่อ ก.ท. มีมติครั้งที่ ๓/๒๕๔๕ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๕ เห็นชอบให้ ก.ท.จ. หรือเทศบาลที่ ก.ท.จ. มอบหมาย เป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขันตามหลักเกณฑ์การสอบแข่งขันที่ ก.ท. กำหนดไว้ รวมทั้ง ก.ท. ยังได้มอบหมายให้เลขานุการ ก.ท. เป็นผู้พิจารณาสั่งการเกี่ยวกับการสอบคัดเลือกและการสอบแข่งขันพนักงานครูเทศบาล และเป็นผู้พิจารณาเกี่ยวกับการรับรองคุณวุฒิการศึกษา รายละเอียดปรากฏตามมติของ ก.ท. ตามหนังสือ ที่ มท ๐๓๑๓.๓/ว ๑๔๒ ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ กรณีมอบอำนาจให้ อ.ก.ท. เทศบาล อ.ก.ท. จังหวัด ประธาน อ.ก.ท. จังหวัด ประธาน อ.ก.ท. วิสามัญ พิจารณากำหนดตำแหน่งฯ อ.ก.ท. วิสามัญ พิจารณากำหนดตำแหน่งฯ และเลขานุการฯ ก.ท. ดำเนินการ เลขานุการ ก.ท. จึงได้มีหนังสือ ด่วนมาก
ที่ มท ๐๓๑๒.๑/ว ๑๓๔๑ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕ เรื่อง การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล กำหนดแนวทางปฏิบัติในการตรวจสอบคุณวุฒิของผู้สมัครแข่งขันเพื่อบรรจุแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานครูเทศบาล โดยระบุในข้อ ๓ ว่า หากผู้สมัครสอบในตำแหน่งที่ ก.ท.จ. หรือเทศบาลที่ได้รับมอบหมายจาก ก.ท.จ. ได้ประกาศ
เปิดสอบแข่งขันโดยระบุวิชาเอกไว้เป็นการเฉพาะ ให้ตรวจสอบว่าผู้นั้นสำเร็จการศึกษา
ในสาขาวิชาเอกตรงตามที่ประกาศไว้หรือไม่ ซึ่ง ก.ท.จ. และเทศบาลทุกแห่งได้ถือปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว ที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ จัดส่งให้
        ผู้ฟ้องคดีคัดค้านคำให้การผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้ความโดยสรุปว่า
จากการศึกษาของผู้ฟ้องคดีทราบว่า กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นราชการส่วนท้องถิ่นได้เคยประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการครู โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ ๑/๒๕๔๕ โดยมีการอ้างถึงสาขาวิชาที่ ก.ค. รับรองเป็นคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งข้าราชการครูตามประกาศดังกล่าวทั้งสิ้น ๑๙ กลุ่มวิชา ปรากฏสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์เป็นสาขาวิชากลุ่มเดียวกันกับกลุ่มคณิตศาสตร์ รายละเอียดปรากฏตามประกาศอนุกรรมการข้าราชการครูกรุงเทพมหานคร เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชกาครูโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ ๑/๒๕๔๕  ดังนั้น ปริญญาสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์จึงเป็นปริญญาทางคณิตศาสตร์ตามนัยประกาศดังกล่าว การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ยืนยันว่า ปริญญาสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์มิใช่ปริญญาทางคณิตศาสตร์จึงไม่น่าจะชอบตามประกาศฉบับดังกล่าว และตามที่สำนักงาน ก.ค. ได้ตั้งมาตรฐานไว้ นอกจากนี้ตามประกาศรับสมัครสอบกำหนดชัดเจนว่าครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์สำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปทางการศึกษา วิชาเอกคณิตศาสตร์หรือปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์ ซึ่งกรณีนี้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่าทางคณิตศาสตร์มีสาขาใดบ้าง
ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่าคำว่าหรือปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์
ย่อมแสดงให้เห็นว่ายังมีสาขาวิชาเอกอื่น ๆ ที่สามารถมีคุณสมบัติตรงตามประกาศรับสมัครสอบครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ ซึ่งหากเทียบตามประกาศกรุงเทพมหานครดังกล่าวข้างต้นสาขาวิชาที่สำนักงาน ก.ค. รับรองไว้ในกลุ่มคณิตศาสตร์มีสาขาวิชาเอก ถึง ๑๐ ประเภท รวมสถิติประยุกต์เข้าเป็น ๑ ในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ด้วย โดยนัยของคำว่า
ทางคณิตศาสตร์จึงน่าจะหมายถึงกลุ่มคณิตศาสตร์ตามที่สำนักงาน ก.ค. ประกาศรับรองดังที่ผู้ฟ้องคดีได้นำหลักฐานมาแสดง ผู้ฟ้องคดีจึงเห็นว่าการไม่สั่งบรรจุแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีทั้งที่ได้รับการขึ้นบัญชีไว้แล้วจึงเป็นการจงใจที่จะละเว้นเสียจากการปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศฉบับดังกล่าวและถือว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
        ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ให้การเพิ่มเติมว่า  อำนาจในการเทียบว่าปริญญา
วิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้เป็นอำนาจของ ก.ท. ซึ่ง ก.ท. ได้เทียบปริญญา
วิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์จากสถาบันราชภัฏว่าเป็นปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา สำหรับทางคณิตศาสตร์ ก.ท. มิได้กำหนด
การเทียบไว้ สำนักงาน ก.ท. จึงจำเป็นต้องหารือสำนักงาน ก.ค. ในการพิจารณาว่าคุณวุฒิของผู้ฟ้องคดีที่ได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาสถิติประยุกต์สามารถใช้บรรจุแต่งตั้งเป็นครูผู้สอนคณิตศาสตร์ได้หรือไม่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ มิได้มีเจตนาให้สำนักงาน ก.ค. วินิจฉัยคุณสมบัติเฉพาะบุคคลว่าตรงตามประกาศรับสมัครหรือไม่ ดังที่ผู้ฟ้องคดีคัดค้าน ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างว่ากรุงเทพมหานครได้ใช้แนวทางของ ก.ค. ในการกำหนด
๑๙ กลุ่มวิชานั้นมิใช่การกำหนดโดย ก.ค. แต่โดยคณะอนุกรรมการข้าราชการครูกรุงเทพมหานครเป็นผู้กำหนด ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ไม่จำต้องถือตาม  ดังนั้น เมื่อประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มิได้กำหนดรายละเอียดสาขาวิชาอื่น ๆ ไว้ ในคำว่าทางคณิตศาสตร์ทั้ง ๆ ที่ ก.ท. ได้มีหนังสือแจ้งให้เทศบาลและเมืองพัทยาที่เปิดสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลกำหนดสาขาวิชาที่ต้องการไว้ในประกาศสอบแต่ละครั้งของเทศบาลด้วย จึงสามารถวินิจฉัยเบื้องต้นได้ว่าเทศบาลต้องการผู้ที่มีคุณวุฒิทางคณิตศาสตร์โดยตรงหรือใกล้เคียงที่สุด และหากมีปัญหาในการวินิจฉัยก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการพนักงานเทศบาล (ก.ท.จ.) หาก ก.ท.จ. ไม่สามารถวินิจฉัยได้จะหารือกับ ก.ท. และ ก.ท. ก็จะหารือโดยเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์ของ ก.ท. และ ก.พ. ก่อนที่จะตอบข้อหารือ นอกจากนี้ สำนักงาน ก.พ. เอง ยังได้กำหนดให้ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตของสถาบันราชภัฏ
สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์เป็นคุณวุฒิทางสถิติหรือสถิติประยุกต์มิใช่คณิตศาสตร์  ดังนั้น เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ฟ้องคดีแล้วปรากฏว่า มีคุณวุฒิไม่ตรงกับคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งที่ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน จึงเป็นการชอบที่เทศบาล
จะไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีได้โดยไม่ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศรับสมัครการสอบแข่งขันดังกล่าว
        เลขาธิการ ก.ค. ทำคำชี้แจงตามที่ศาลสั่งได้ความโดยสรุปว่า ตามมาตรา ๗ (๗) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. ๒๕๒๓ กำหนดให้ ก.ค. มีหน้าที่รับรองคุณวุฒิผู้ที่ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพและกำหนดอัตราเงินเดือนที่ควรได้รับ แต่ ก.ค. ไม่เคยกำหนดคุณวุฒิปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสถิติประยุกต์ เทียบได้กับปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์ แต่ ก.พ. เคยกำหนดคุณวุฒิปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต วิชาเอกสถิติประยุกต์ของกรมการฝึกหัดครู (เดิม) ว่า
เป็นคุณวุฒิทางสถิติและสถิติประยุกต์ ส่วนผู้จบเอกสถิติจะมีคุณสมบัติความรู้เหมือนหรือต่างจากการจบเอกคณิตศาสตร์หรือไม่และสามารถสอนวิชาคณิตศาสตร์ระดับประถม มัธยม ได้หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากรายละเอียดของเนื้อหาในหลักสูตรการศึกษาของคุณวุฒิสาขาวิชาคณิตศาสตร์และสาขาสถิติว่าเหมือนกันหรือไม่
        มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีได้ทำคำชี้แจงตามคำสั่งศาลได้ความโดยสรุปว่า หลักสูตรสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์และสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยทั้งสองหลักสูตรเป็นหลักสูตรที่ใกล้เคียงกันมาก เนื่องจากเป็นหลักสูตรสายคณิตศาสตร์ด้วยกัน
ทั้งสองหลักสูตร เพียงแต่สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์นั้นเป็นการนำเอาสาขาวิชาคณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในด้านสถิติ โดยโครงสร้างหลักสูตรสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์มีจำนวนหน่วยกิต
รวมตลอดหลักสูตรมากกว่าสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์จำนวน ๓ หน่วยกิต กล่าวคือ
สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์มีจำนวนหน่วยกิตรวมกันตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๑๔๖ หน่วยกิต ส่วนสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์นั้นมีจำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า
๑๔๓ หน่วยกิต โดยมีการจัดโครงสร้างหลักสูตรของทั้ง ๒ วิชาออกเป็น ๓ หมวดวิชาเหมือนกันคือ หมวดวิชาพื้นฐานทั่วไป หมวดวิชาเฉพาะด้าน และหมวดวิชาเลือกเสรี โดยเฉพาะหมวดวิชาเฉพาะด้านแยกเป็นกลุ่มวิชาเป็น ๓ กลุ่มวิชาเหมือนกัน โดยกลุ่มวิชาเอกสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ไม่น้อยกว่า ๗๘ หน่วยกิต สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์
ไม่น้อยกว่า ๘๑ หน่วยกิต ซึ่งรายละเอียดการจัดการเรียนการสอนหมวดวิชาเฉพาะด้านสำหรับโปรแกรมวิชาคณิตศาสตร์มีรายวิชาบังคับเหมือนกับโปรแกรมวิชาสถิติประยุกต์คือหลักสถิติ และสถิติเชิงคณิตศาสตร์ ๑ หลักการคณิตศาสตร์ แคลคูลัสและเรขาคณิตวิเคราะห์ ๑ แคลคูลัสและเรขาคณิตวิเคราะห์ ๒ แคลคูลัสและเรขาคณิตวิเคราะห์ ๓ และพีชคณิตเชิงเส้น ๑
นอกนั้นในโปรแกรมวิชาสถิติประยุกต์จะเรียนมากกว่าโปรแกรมวิชาคณิตศาสตร์ ๙ หน่วยกิต หรือ ๓ วิชา ส่วนหมวดวิชาพื้นฐานทั่วไปนั้นมีโครงสร้างเช่นเดียวกัน
        ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า  คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย
๒ ประเด็น คือ
        ประเด็นที่หนึ่ง  การวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ เกี่ยวกับคุณวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีว่าไม่เป็นไปตามประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานครูเทศบาลประจำปี ๒๕๔๕ เป็นการกระทำที่ชอบหรือไม่ เห็นว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ สำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่นได้เคยจัดทำแนวทางในการตรวจสอบคุณวุฒิของผู้สมัครสอบแข่งขัน
เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา รวมทั้งปริญญาวิชาชีพเฉพาะทาง (ปริญญาวิชาชีพอื่นที่ ก.ท. รับรองฯ) และกำหนดให้เป็นคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา และสาขาวิชาเอกตรงตามที่สมัครสอบแข่งขันไว้เท่านั้น
โดยรับรองว่าผู้จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาเอกรวม ๒๕ สาขา จากสถาบันราชภัฏเป็นคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา ซึ่งรวมเอาสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ สาขาสถิติประยุกต์ เป็นหนึ่งในคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ระบุคุณสมบัติผู้สมัครสอบว่า นอกจากผู้สมัครมีคุณสมบัติจบปริญญาทางการศึกษา สาขาเอกคณิตศาสตร์แล้ว ยังเปิดกว้างไปถึง
ผู้มีคุณสมบัติจบปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์ แต่เนื่องจาก
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มิได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า วิชาชีพที่เทียบเคียงได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์หมายความรวมถึงผู้จบปริญญาตรีสาขาเอกวิชาใดและ
เมื่อพิจารณาหลักสูตรการเรียนการสอนสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์และสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีที่ผู้ฟ้องคดีเรียนจบมานั้น รองอธิการบดีปฏิบัติราชการแทนอธิการบดียืนยันว่า หลักสูตรสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์และสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์เป็นหลักสูตรสายคณิตศาสตร์ทั้งสองหลักสูตร เป็นแต่เพียงสาขาวิชาเอกสถิตินั้นเป็นการนำเอาสาขาวิชาคณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในด้านสถิติ โครงสร้างหลักสูตรของทั้งสองภาควิชามีการแบ่งโครงสร้างเป็น ๓ หมวดวิชาเหมือนกันโดยหมวด
วิชาเฉพาะด้านแยกกลุ่มวิชาเป็น ๓ กลุ่มเหมือนกัน คือ กลุ่มวิชาเอกสาขาคณิตศาสตร์ต้องศึกษาวิชาบังคับไม่น้อยกว่า ๗๘ หน่วยกิต ส่วนสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์ต้องศึกษาวิชาบังคับไม่น้อยกว่า ๘๑ หน่วยกิต โดยทั้งสองโปรแกรมมีการเรียนรายวิชาบังคับเหมือนกัน
๕ วิชา จากทั้งหมด ๑๐ วิชา ซึ่งเมื่อตรวจดูรายวิชาบังคับที่ผู้ฟ้องคดีเรียนได้เลือกเรียน
หลักสถิติอันเป็นวิชาบังคับของสาขาเอกคณิตศาสตร์ ซึ่งวิชาบังคับของสาขาเอกคณิตศาสตร์ให้เรียน ๑๐ วิชา ผู้ฟ้องคดีลงเรียน ๖ วิชา  ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดว่าคำว่าปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์ ตามประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบนนั้นพอจะอนุมานได้ว่า รวมถึงปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาสถิติประยุกต์ ซึ่งมีการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐาน  ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ พิจารณาวุฒิการศึกษาของ
ผู้ฟ้องคดีแจ้งไม่รับรองว่าเป็นปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ ทางคณิตศาสตร์
จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ แม้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ จะอ้างว่าปริญญาวิชาชีพที่เทียบได้
ไม่ต่ำกว่านี้จะต้องเป็นปริญญาวิชาชีพอื่นที่ ก.ท. (เดิม) รับรองและกำหนดให้เป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา (ปริญญาวิชาชีพเฉพาะทาง) และสาขาวิชาเอกตรงตามที่ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันได้เท่านั้น แต่การที่
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ มอบอำนาจให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จัดการสอบพนักงานครูเทศบาลได้เอง
และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มิได้กำหนดรายละเอียดสาขาวิชาอื่น ๆ ไว้ เพื่อเทียบกับคำว่าปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษาทางคณิตศาสตร์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ จะตีความว่าวุฒิการศึกษาปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิตโปรแกรมวิชาสถิติประยุกต์ มิใช่คุณวุฒิทางคณิตศาสตร์โดยตรงหรือใกล้เคียงที่สุด โดยอาศัยการกำหนดปริญญาของสำนักงาน ก.พ. ว่า แยกปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต – คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตรบัณฑิต – สถิติ และวิทยาศาสตรบัณฑิต – สถิติประยุกต์ มาเป็นเกณฑ์ว่าหากไม่มีคำว่าคณิตศาสตร์ต่อท้าย ก็มิใช่ปริญญาวิชาชีพที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางคณิตศาสตร์นั้น
ย่อมไม่ถูกต้อง ดังจะเห็นได้จากโครงสร้างหลักสูตรคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ข้ออ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ในการวินิจฉัยวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีว่า
มิใช่ปริญญาวิชาชีพที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางคณิตศาสตร์จึงฟังไม่ขึ้น การที่
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่กำหนดให้ชัดเจนว่าปริญญาวิชาชีพที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี
ทางการศึกษาทางคณิตศาสตร์มีวิชาอะไรบ้างก็ต้องถือว่าวิชาเอกสถิติประยุกต์เป็นปริญญาวิชาชีพที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางคณิตศาสตร์ เมื่อคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ไม่ชอบด้วยหลักการและโครงสร้างการเรียนการสอนทางคณิตศาสตร์แล้วคำวินิจฉัยของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งอาศัยคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ก็มีผลเช่นเดียวกัน
        ประเด็นที่สอง  คำสั่งปฏิเสธที่จะบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานครูเทศบาลของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตามหนังสือเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ที่ สค ๕๒๑๐๕/๑๒๘๖ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า
คำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ อาศัยเป็นเหตุในการออกคำสั่งปฏิเสธไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ จึงมีผล
ทำให้คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่ชอบด้วยเช่นกัน
        ศาลปกครองชั้นต้นจึงพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ตามหนังสือลงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๔๖ และคำวินิจฉัยตอบข้อหารือที่เกี่ยวข้องกับ
วุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดี ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ตามหนังสือ
ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ และให้เพิกถอนคำสั่งไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาล และให้พิจารณาบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดี
เข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์โดยให้มีผลย้อนไปยังวันที่ประกาศผลสอบ ทั้งนี้ ให้คำพิพากษามีผลนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
        ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ อุทธรณ์ว่า  การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เปิดรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานครูเทศบาลประจำปี ๒๕๔๕
ในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ระบุคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของครูปฏิบัติการสอนวิชาเอกคณิตศาสตร์ว่าต้องสำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปทางการศึกษาสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์หรือปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์
และปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ จะต้องเป็นวุฒิที่สำนักงาน ก.ท. รับรอง
ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ โดยชอบด้วยกฎหมายตามที่สำนักงาน ก.ท. มีไปถึงสำนักงาน ก.ท.จ. จังหวัดทุกจังหวัด
ทั่วประเทศ ประกอบกับ ก.ท.จ.สมุทรสาครมีอำนาจตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๒๓
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ในการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการคัดเลือก การบรรจุและแต่งตั้ง การย้าย การโอน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓  ดังนั้น เมื่อสำนักงาน ก.ท.จ.สมุทรสาคร มีหนังสือ ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ได้วินิจฉัยข้อหารือวุฒิการศึกษาผู้สอบแข่งขันได้และแจ้งให้ทราบ จึงเป็นอำนาจของ ก.ท.จ.สมุทรสาคร และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ การที่ผู้ฟ้องคดีสมัครสอบคัดเลือก
เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาลประจำปี ๒๕๔๕ ในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ตำแหน่งครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนระเบียบและหนังสือสั่งการอย่างละเอียดรอบคอบและถูกต้องโดยมิได้ละเว้น
หรือเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาล และให้พิจารณาบรรจุและแต่งตั้ง
ผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ โดยให้มีผลย้อนไปยังวันที่ประกาศผลสอบนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เห็นว่า
ตามระเบียบแล้วไม่สามารถปฏิบัติได้เนื่องจากการขึ้นบัญชีผู้มีสิทธิเข้ารับราชการมีกำหนดไว้ ๒ ปี เมื่อพ้นกำหนดภายใน ๒ ปี บัญชีดังกล่าวจึงถูกยกเลิกโดยปริยาย ตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาลหมวด ๔ ส่วนที่ ๑ ข้อ ๖๒ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ขอขยายเวลาและสงวนตำแหน่งให้กับผู้ฟ้องคดีโดย ก.ท.จ.มีหนังสือถึงสำนักงาน ก.ท. และสำนักงาน ก.ท.
มีหนังสือ ที่ มท ๐๘๐๙.๔/๑๑๘๓ ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๗ มีคำสั่งว่าไม่สามารถขยายระยะเวลาการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันพนักงานครูเทศบาลต่อไปได้อีก สิทธิของผู้ฟ้องคดี
จึงต้องหมดไปและประกอบกับมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน
เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้กำหนดให้
การจ่ายเงินเดือนข้าราชการกรณีบรรจุใหม่หรือกลับเข้ารับราชการใหม่ให้จ่ายได้ตั้งแต่
วันที่เริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่ราชการ ซึ่งในกรณีนี้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงไม่อาจปฏิบัติตาม
คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นได้เพราะขัดต่อพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดีนี้ด้วย
        ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ อุทธรณ์ว่า  ตามที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลและให้พิจารณาบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ โดยให้มีผลย้อนหลังไปยังวันที่ประกาศผลสอบนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ เห็นว่า ตามหลักเกณฑ์การบริหารบุคคลพนักงานเทศบาลของคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท.) ได้กำหนดให้การบรรจุและแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้เป็นพนักงานเทศบาล
(รวมพนักงานครูเทศบาล) ให้เรียกบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ที่สอบแข่งขันได้ตามบัญชี
ผู้สอบแข่งขันได้ ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท.)
ได้กำหนดไว้บังคับใช้เป็นการทั่วไปสำหรับพนักงานเทศบาลและข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นอื่นทุกประเภท และเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่กำหนดไว้ใช้บังคับกับข้าราชการพลเรือน  ดังนั้น ในกรณีของผู้ฟ้องคดีจึงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การบริหารงานบุคคล พนักงานเทศบาลที่คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.ท.) กำหนดโดยให้มีการบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีและกำหนดวันที่มีผลให้การบรรจุและแต่งตั้งย้อนหลังไปถึงวันที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ จึงขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาแก้
คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นจากให้พิจารณาบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ โดยให้มีผลย้อนหลังไปยังวันที่ประกาศผลสอบเป็นให้พิจารณาบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามลำดับที่ในบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
        ผู้ฟ้องคดีแก้อุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ว่า ตามที่
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กล่าวอ้างในคำอุทธรณ์ว่า ผู้ฟ้องคดีขาดคุณสมบัติในการที่จะได้รับ
การบรรจุแต่งตั้งให้เข้ารับราชการในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ สาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์โดยอ้างตามประกาศรับสมัครฯ ว่าวุฒิการศึกษาต้องเป็นวุฒิที่สำนักงาน ก.ท. รับรอง
ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ต้องตัดสิทธิผู้ฟ้องคดีออกจากการเป็นผู้มีสิทธิ
ในการสอบคัดเลือกตั้งแต่ต้น เนื่องจากขาดคุณสมบัติ โดยที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีระยะเวลา
ในการตรวจสอบคุณสมบัติตามประกาศรับสมัครอย่างชัดเจน แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
กลับประกาศให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิสอบและปล่อยระยะเวลาล่วงเลยจนผู้ฟ้องคดีได้รับ
การประกาศให้เป็นผู้ที่สอบแข่งขันได้ในลำดับที่ ๒๑ การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
แสดงให้เห็นชัดว่ามีความประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติราชการ เพราะผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์อย่างชัดเจนว่าต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปทางการศึกษาสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์หรือปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์ การกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวย่อมเป็น
ที่ทราบโดยทั่วไปว่านอกจากสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์แล้วยังจะต้องมีสาขาวิชาอื่น ๆ อีกที่เทียบได้ทางคณิตศาสตร์ และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่สามารถชี้แจงต่อศาลปกครองชั้นต้นได้ว่าปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์มีสาขาอะไรบ้าง และนอกจากนี้สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ชี้แจงต่อศาลปกครองชั้นต้นว่าการจะพิจารณาว่าผู้จบการศึกษา
สาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์จะมีคุณสมบัติเหมือนหรือแตกต่างกันหรือไม่นั้น ให้พิจารณา
จากรายละเอียดของเนื้อหาในหลักสูตร และมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีก็ได้ยืนยันว่า
ทั้งสองหลักสูตรมีเนื้อหาที่เทียบเคียงกันได้เพียงแต่สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์นั้นเป็นการนำเอาสาขาวิชาคณิตศาสตร์มาประยุกต์ไว้ในด้านสถิติ และสามารถสอนรายวิชาคณิตศาสตร์ได้ ส่วนการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ อ้างว่า ไม่สามารถบรรจุแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีตาม
คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นได้ เนื่องจากขัดกับพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ เนื่องจากมิได้เข้าปฏิบัติราชการ และอ้างว่าสำนักงาน ก.ท. มีคำสั่งไม่ขยายเวลาในการขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ของผู้ฟ้องคดี ซึ่งครบ ๒ ปี ออกไปได้นั้น ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ไม่มีผลใด ๆ ต่อคดีนี้เพราะถือว่า
ผู้ฟ้องคดีได้รับการบรรจุและแต่งตั้งนับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษา ซึ่งอยู่ในกรอบระยะเวลา ๒ ปี และสาเหตุดังกล่าวเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติราชการของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ สำหรับกำหนดวันที่มีผลในการบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีตามคำอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ นั้น ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า สุดแท้แต่ศาลปกครองสูงสุดจะเห็นสมควร

        ศาลปกครองสูงสุดออกนั่งพิจารณาคดี โดยได้รับฟังสรุปข้อเท็จจริงของ
ตุลาการเจ้าของสำนวน และคำชี้แจงด้วยวาจาประกอบคำแถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดี
        ศาลปกครองสูงสุดได้ตรวจพิจารณาเอกสารทั้งหมดในสำนวนคดี กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องประกอบแล้ว
        ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๕ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
บุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานครูเทศบาลประจำปี ๒๕๔๕ โดยมีตำแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้งได้แก่ ตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ขั้น ๖,๓๖๐ บาท ครูปฏิบัติการสอนวิชาเอกคณิตศาสตร์ โดยระบุคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งของผู้สมัครสอบพนักงานครูเทศบาลประจำปี ๒๕๔๕ แนบท้ายประกาศดังกล่าวว่า สำหรับตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ขั้น ๖,๓๖๐ บาท ครูปฏิบัติการสอนวิชาเอกคณิตศาสตร์ต้องสำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปทาง
การศึกษา สาขาเอกคณิตศาสตร์หรือปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้
ทางคณิตศาสตร์ ต่อมาวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นใบสมัครสอบแข่งขัน
เพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานครูเทศบาล เทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ประจำปี ๒๕๔๕ โดยสมัครสอบวิชาเอกคณิตศาสตร์ และใช้เอกสารปริญญาบัตรหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต โปรแกรมวิชาสถิติประยุกต์จากสถาบันราชภัฏอุดรธานี และประกาศนียบัตรวิชาชีพครู (ป.วค.) คณะครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นเอกสารประกอบพร้อม
ใบรายงานผลการศึกษาจากทั้งสองสถาบันเป็นหลักฐานในการยื่นใบสมัคร ต่อมาวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เรื่อง ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาล ประจำปี ๒๕๔๕ โดยมีรายชื่อผู้ฟ้องคดีลำดับที่ ๑๗๙ เป็นผู้มีสิทธิสอบแต่มีเครื่องหมายวงกลมอยู่ที่
เลขประจำตัวสอบของผู้ฟ้องคดี ซึ่งในประกาศดังกล่าวระบุว่าหมายถึง เป็นบุคคลที่
ทางเทศบาลเมืองกระทุ่มแบนกำลังตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยากับทางสำนักงาน ก.ท. หากพบว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งดังกล่าวก็ให้ถือว่าบุคคลดังกล่าวขาดคุณสมบัติในการสมัครสอบและไม่มีสิทธิได้รับการ
บรรจุและแต่งตั้ง เมื่อได้มีประกาศดังกล่าวแล้วไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีคำสั่งตัดสิทธิ
ผู้ฟ้องคดีในการสอบ ผู้ฟ้องคดีจึงเข้าสอบแข่งขัน จนกระทั่งต่อมาวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๕ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เรื่อง ประกาศบัญชีรายชื่อ
ผู้สอบแข่งขันได้ในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล
ประจำปี ๒๕๔๕ ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีสอบได้ลำดับที่ ๒๑ แต่มีเครื่องหมายวงกลมอยู่ที่
เลขประจำตัวสอบของผู้ฟ้องคดี ซึ่งในประกาศฉบับเดียวกันระบุว่า หมายถึงเป็นบุคคล
ที่ทางเทศบาลเมืองกระทุ่มแบนกำลังตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยากับทางสำนักงาน ก.ท. หากตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานดังกล่าวก็ให้ถือว่าบุคคลนั้นขาดคุณสมบัติในการสอบและไม่มีสิทธิได้รับการบรรจุแต่งตั้ง โดยก่อนหน้านั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีหนังสือหารือสิทธิการบรรจุผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานครูเทศบาลไปยังผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการศึกษาท้องถิ่น ตามหนังสือ ที่ สค ๕๒๑๐๕/๑๔๒๓ ลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๕ ว่า หากผู้สมัครสอบไม่เป็นผู้มีวิชาเอก
ที่ ก.ท. (เดิม) รับรอง แต่เป็นผู้สำเร็จการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพครูจะมีสิทธิได้รับ
การบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาลหรือไม่ และนอกจากนี้ยังได้หารือไปยัง
จังหวัดสมุทรสาครในฐานะ ก.ท.จ. ในทำนองเดียวกันกับหนังสือลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๕ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือ ที่ มท ๐๘๗๖/๒๑๑๒๘ ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๕ ต่อมาวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้ตอบข้อหารือดังกล่าวกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ว่า กรณีของผู้ฟ้องคดีนั้นเมื่อพิจารณาตามหนังสือสำนักงาน ก.ท. ด่วนมาก ที่ มท ๐๓๑๒.๑/ว ๑๓๔๑ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ซึ่งกำหนดแนวทางในการตรวจสอบคุณวุฒิของผู้สมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยาไว้ว่า
ถ้าไม่ใช่ปริญญาทางการศึกษาตามข้อ ๒ และ ก.ท. (เดิม) กำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งที่รับสมัครว่าเป็นปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ ปริญญาหรือคุณวุฒิการศึกษาของผู้สมัครสอบแข่งขันจะต้องเป็นปริญญาวิชาชีพที่ ก.ท. (เดิม) รับรองและกำหนดให้เป็นคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา (ปริญญาวิชาชีพเฉพาะทาง) และสาขาวิชาเอกตรงตามที่ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันไว้เท่านั้น  ดังนั้น
จึงไม่สามารถบรรจุและแต่งตั้งให้ผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ได้ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือ ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ซึ่งต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้แจ้งผลให้แก่ผู้ฟ้องคดีทราบว่าไม่สามารถบรรจุผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓
ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ได้ ตามหนังสือ ที่ สค ๕๒๑๐๕/๑๒๘๖ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งคำสั่งปฏิเสธที่จะบรรจุผู้ฟ้องคดีเข้ารับราชการแล้ว
จึงได้มีหนังสือหารือไปยังอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ขอให้ตรวจสอบการหารือวุฒิการศึกษาและการบรรจุแต่งตั้งพนักงานครูเทศบาลเมืองกระทุ่มแบนของผู้ที่สอบแข่งขันได้ ตามหนังสือลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ซึ่งต่อมาวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๔๖ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ฟ้องคดีให้ทราบว่าวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีไม่ตรงตามประกาศคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ของเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ผู้ฟ้องคดีจึงได้อุทธรณ์คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตามหนังสือลงวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๖ เรื่อง ขอให้ทบทวนการหารือวุฒิการศึกษาของผู้สอบแข่งขันได้ และขอให้แต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานครูเทศบาลตามบัญชีที่สอบแข่งขันได้ แต่ก็ไม่ได้รับ
การพิจารณาอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลในวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๔๗
        คดีมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า คำสั่งของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตามหนังสือสำนักงานเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ที่ สค ๕๒๑๐๕/๑๒๘๖
ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ที่ไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้ารับราชการเป็นพนักงานครูเทศบาล ตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
        พิเคราะห์แล้วเห็นว่า  มูลเหตุแห่งการฟ้องคดีเกิดจากการวินิจฉัยว่า
วุฒิการศึกษาปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ วิชาเอกสถิติประยุกต์ ของผู้ฟ้องคดีไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงมีคำสั่งตามหนังสือสำนักงานเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ที่ สค ๕๒๑๐๕/๑๒๘๖ ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้ารับราชการเป็นพนักงานครูเทศบาล ตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓  ดังนั้น คดีนี้จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นก่อนว่า วุฒิการศึกษาปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต โปรแกรมวิชาสถิติประยุกต์เป็นปริญญา
ทางการศึกษาสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์หรือปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้
ทางคณิตศาสตร์ ตามประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานครูเทศบาลประจำปี ๒๕๔๕ ลงวันที่
๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๕ หรือไม่ เห็นว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ สำนักบริหารการศึกษาท้องถิ่น
ได้จัดทำแนวทางการตรวจสอบคุณวุฒิของผู้สมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุและแต่งตั้ง
เป็นพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา รวมทั้งปริญญาวิชาชีพเฉพาะทาง (ปริญญาวิชาชีพอื่นที่ ก.ท. รับรอง) ได้กำหนดรับรองว่า ผู้จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอก
สถิติประยุกต์และวิชาเอกสาขาอื่น ๆ อีก ๒๔ สาขาจากสถาบันราชภัฏ เป็นคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งพนักงานครูเทศบาลและเมืองพัทยา และจากประกาศอนุกรรมการข้าราชการครูกรุงเทพมหานคร เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการครู
ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ ๑/๒๕๔๕ ฉบับลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๕
ซึ่งประกาศรับสมัครสอบอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ อัตราเงินเดือน ๖,๓๖๐ บาท กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ได้กำหนดให้สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์เป็นปริญญาตรีที่เทียบเท่าไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ และประกอบกับนายสมพงษ์  วงศ์ชัยประทุม
รองอธิการบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้ชี้แจงต่อศาลว่า หลักสูตรสาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์และสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัย
ราชภัฏอุดรธานีเป็นหลักสูตรสายคณิตศาสตร์ทั้งสองหลักสูตรเพียงแต่สาขาวิชาเอกสถิตินั้น เป็นการนำเอาวิชาคณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในด้านสถิติ โครงสร้างของหลักสูตรทั้งสองแบ่งเป็น ๓ หมวดวิชาเหมือนกัน คือ หมวดวิชาพื้นฐานทั่วไป หมวดวิชาเฉพาะด้านและหมวดวิชาเลือกในหมวดวิชาเฉพาะด้านแยกเป็น ๓ กลุ่มวิชาเหมือนกัน คือ กลุ่มวิชาเอกสาขาคณิตศาสตร์วิชาบังคับไม่น้อยกว่า ๗๘ หน่วยกิต ส่วนสาขาสถิติประยุกต์ศึกษาวิชาบังคับ
ไม่น้อยกว่า ๘๑ หน่วยกิต โดยทั้งสองหลักสูตรมีการเรียนวิชาบังคับเหมือนกัน ๕ วิชา
จากทั้งหมด ๑๐ วิชา คือ สถิติเชิงคณิตศาสตร์ ๑ แคลคูลัสและเรขาคณิตวิเคราะห์ ๑
แคลคูลัสและเรขาคณิตวิเคราะห์ ๒ แคลคูลัสและเรขาคณิตวิเคราะห์ ๓ พีชคณิตเชิงเส้น ๑ แต่สาขาสถิติประยุกต์จะนำเอาความรู้ทางคณิตศาสตร์ประยุกต์ใช้ทางสถิติ จึงเรียนสถิติวิเคราะห์ ๑ และสถิติวิเคราะห์ ๒ การวิเคราะห์การถดถอยหลักการวิจัย ฯลฯ และจากใบรายงานผลการศึกษา ลงวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๒ ประกอบกับรายการเปรียบเทียบหลักสูตรคณิตศาสตร์และสถิติประยุกต์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ตามหนังสือ
ที่ ศธ ๐๕๔๓/๐๑๖๓ ลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีได้เลือกเรียน
หลักสถิติอันเป็นวิชาบังคับของสาขาเอกคณิตศาสตร์รวมวิชาเอกคณิตศาสตร์บังคับเรียน ๑๐ วิชา ผู้ฟ้องคดีเรียน ๖ วิชา จึงเห็นได้ว่าหลักสูตรทั้งสองมีการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
เป็นพื้นฐานใกล้เคียงกัน  ดังนั้น วุฒิการศึกษาปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต วิชาเอกสถิติประยุกต์
จึงถือว่าเป็นปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้ทางคณิตศาสตร์ ตามประกาศเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน เรื่อง รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานครูเทศบาล ประจำปี ๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๕  ดังนั้น คำสั่งของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตามหนังสือสำนักงานเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ที่ สค ๕๒๑๐๕/๑๒๘๖
ลงวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ที่ไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้ารับราชการเป็นพนักงาน
ครูเทศบาล ตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ โดยวินิจฉัยว่า
วุฒิการศึกษาปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เอกสถิติประยุกต์
ไม่ใช่ปริญญาตรีทางการศึกษาสาขาวิชาเอกคณิตศาสตร์หรือปริญญาวิชาชีพอื่นที่เทียบได้ไม่ต่ำกวานี้ทางคณิตศาสตร์ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
        สำหรับกรณีการขอให้เพิกถอนหนังสือตอบข้อหารือวุฒิการศึกษา
ผู้สอบแข่งขันได้ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ตามหนังสือ ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่
๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ซึ่งยืนยันว่าผู้ฟ้องคดีซึ่งได้รับวุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกสถิติประยุกต์จากสถาบันราชภัฏอุดรธานี สมัครสอบในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓
ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติตามตำแหน่งดังกล่าว จึงไม่สามารถบรรจุและแต่งตั้งให้เป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งดังกล่าวได้ และขอให้เพิกถอนหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ที่ยืนยันว่าวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีไม่ตรงตามประกาศของเทศบาล
เมืองกระทุ่มแบน ตามหนังสือ ที่ มท ๐๘๐๙.๓/๑๓๘๒ ลงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๔๖ นั้น เห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีหนังสือตอบข้อหารือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เกี่ยวกับวุฒิการศึกษา
ผู้สอบแข่งขันได้ตามหนังสือ ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ นั้น มิใช่การวินิจฉัยสั่งการตามกฎหมาย เป็นเพียงการตอบข้อหารือให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ทราบและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่มีอยู่มิใช่คำสั่งที่สั่งให้ผู้ฟ้องคดีดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด หนังสือฉบับดังกล่าว จึงเป็นเพียงขั้นตอนของการดำเนินการภายในของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งถือไม่ได้ว่ามีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดี และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้มีหนังสือยืนยันเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดีที่ผู้ฟ้องคดีมีหนังสือขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ พิจารณาทบทวนแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ มีหนังสือตอบยืนยันตามหนังสือตอบข้อหารือในเรื่องดังกล่าวที่ได้ตอบข้อหารือผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไปแล้วนั้น
ก็มิได้มีสถานะเป็นคำสั่งทางปกครองหรือกฎที่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดี เพราะถึงแม้ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนหนังสือตอบข้อหารือดังกล่าวก็ไม่ได้มีผลเป็นการเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด
         ดังนั้น การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษา ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ตามหนังสือลงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๔๖ และคำวินิจฉัยตอบข้อหารือ
ที่เกี่ยวข้องกับวุฒิการศึกษาของผู้ฟ้องคดี ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒
ตามหนังสือ ที่ มท ๐๘๗๖.๑/๘๒๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ และให้เพิกถอนคำสั่ง
ไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลและให้พิจารณาบรรจุและแต่งตั้ง
ผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาลในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ โดยให้มีผลย้อนไปยังวันที่ประกาศผลสอบ ทั้งนี้ ให้คำพิพากษามีผลนับแต่
วันที่คดีถึงที่สุดนั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย

        พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้เพิกถอนคำสั่ง
ไม่บรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาล และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ พิจารณาบรรจุและแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีเข้าเป็นพนักงานครูเทศบาล ในตำแหน่งอาจารย์ ๑ ระดับ ๓
ครูปฏิบัติการสอนคณิตศาสตร์ ทั้งนี้ ให้เสร็จสิ้นภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษานี้ ส่วนคำขออื่นให้ยก
       
นายธงชัย  ลำดับวงศ์                                                         ตุลาการเจ้าของสำนวน
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

นายจรัญ  หัตถกรรม                                  
ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด

นายเกษม  คมสัตย์ธรรม                                               
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

นายชาญชัย  แสวงศักดิ์                                                
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

นายวิษณุ  วรัญญู                                                  
ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

ตุลาการผู้แถลงคดี : นายประนัย  วณิชชานนท์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษา

หลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษาและการตั้งงบประมาณเพื่อให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาตรีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะรับทุนการศึกษาทั้งระดับปริญญาโทและปริญญาตรีจะต้อง - ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นผู้รับทุนการศึกษา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตั้งงบประมาณเพื่อให้ทุนการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น -ให้พิจารณาในสัดส่วนของผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นฝ่ายละเท่าๆกัน และสามารถเฉลี่ยสัดส่วนกันได้ -สามารถเฉลี่ยจำนวนทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ก็สามารถทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต้องไม่เกินจำนวนที่สามารถตั้งงบประมาณได้ ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้บริหาร ๒.บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสิทธิรับทุนการศึกษา สามารถเข้าศึกษาในสาขาวิชาที่กำหนดเป็นคุณวุฒิตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งในทุกตำแหน่งที่คณะกรรมการกลางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. เทศบาล และ อบต.)กำหนด ๓.สาขาที่เข้าศึกษาควรเป็นหลักสูตรพิเศษที่ใช้เวลาการศึกษานอกเวลาราชการ ๔.ระหว่างการศึกษาโดยได้รับทุนก

คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นคำสั่งทางปกครอง

คำสั่งศาลปกครองระยอง คดีหมายเลขแดงที่ 40/2546 สรุปข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุง ออกคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่ผู้ฟ้องคดี ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๔ เพียง ๐.๕ ขั้น ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากเป็นการใช้อำนาจกลั่นแกล้ง ประเมินผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าความเป็นจริง ผู้ฟ้องคดีจึงได้ร้องทุกข์ต่อ อ.ก.พ. จังหวัดจันทบุรี แต่ อ.ก.พ. จังหวัดจันทบุรี กลับยกคำร้องทุกข์ของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง คำวินิจฉัย ศาลปกครองระยองพิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองตามนัยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙และเนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ มิได้กำหนดวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองในเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะจึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในคดีฟังได้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุงมีเหตุโกรธเคือง และขัดแย้งกับผู้ฟ้องคดีมาก่อน จึงเห็นได้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุงในฐานะผู

ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก

ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีพิเศษไม่ต้องสอบแข่งขันสำหรับหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและครูผู้ดูแลเด็กเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2553 เห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีที่มรเหตุพิเศษโดยไม่จำเป็นต้องสอบแข่งขันสำหรับหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและครูผู้ดูแลเด็กเล็กเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล โดยมีสาระสำคัญดังนี้ - ตำแหน่งที่จะสามารถคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นกรณีพิเศษได้ ได้แก่พนักงานครูเทศบาลในตำแหน่ง ครูผู้ช่วย ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก และหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก - คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกกรณีมีเหตุพิเศษ 1. ดำรงตำแหน่งครูผู้ดูแลเด็ก และ/หรือ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งจัดจ้างโดยงบประมาณเงินอุดหนุนจากรัฐและจากเงินรายได้ของท้องถิ่นติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และ 2. เป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่องมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับ