ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การไม่ต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้าง

คำสั่งที่ ร.387/2552 คำร้องที่ ร.124/2552


เมื่อ สัญญาจ้างผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงาน ตำแหน่งผู้ช่วยช่างโยธา สิ้นสุดลง ด้วยระยะเวลาการจ้างครบกำหนดตามที่ได้ทำสัญญาต่อกันไว้ จึงเป็นการเลิกจ้างตามสัญญา ผู้ถูกฟ้องคดี (นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง) จะทำสัญญาจ้างผู้ฟ้องคดีต่อไปอีกหรือไม่ เป็นอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีที่จะต้องดำเนินการตามความเหมาะสมและเป็นดุลพินิจ ของผู้ถูกฟ้องคดี และคำขอให้ศาลมีคำบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายจากการไม่ต่อสัญญา จ้างให้แก่ ผู้ฟ้องคดีนั้น หากศาลมีคำบังคับตามคำขอก็เท่ากับเป็นการบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีต่อสัญญา จ้างแก่ผู้ฟ้องคดีโดยปริยาย ดังนั้น คำขอของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นกรณีที่ศาลไม่สามารถออกคำบังคับได้ตามมาตรา 72 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผู้ฟ้องคดีจึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาล ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน
การสั่งการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตามบันทึกวิทยุสื่อสารในราชการกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0809.2/ว 006 ลงวันที่ 22 กันยายน 2548 เป็นกรณีที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มอบให้เป็นดุลพินิจของหน่วยงานในการพิจารณาถึงความจำเป็นและ ภารกิจของงาน หากมีความจำเป็นก็ดำเนินการตามแนวทางในการต่อสัญญาจ้าง หากไม่มี ความจำเป็นก็สามารถเสนอขอไม่อนุมัติต่อสัญญาจ้างได้ การที่ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลโพธิ์กลาง มีหนังสือถึงผู้ถูกฟ้องคดี เพื่อขออนุมัติไม่ต่อสัญญาจ้างให้แก่ผู้ฟ้องคดี เนื่องจากมีพนักงานกองช่างและงานป้องกันได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่หลายอัตรา ทำให้สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่อนุมัติต่อสัญญาจ้างให้แก่ผู้ฟ้องคดี เห็นว่าเป็นดุลพินิจของผู้ถูกฟ้องคดีที่จะกระทำได้ และไม่เป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ตามการสั่งการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นดังกล่าว ตามที่ผู้ฟ้องคดีเข้าใจ ประกอบกับการสั่งการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นตามบันทึกดังกล่าว เป็นเพียงระเบียบภายใน ที่วางแนวทางปฏิบัติในการต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้าง เพื่อป้องกันปัญหาการร้องเรียนและเพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรม และเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเกิดประโยชน์แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ได้มีสภาพเป็นกฎ ตามข้อกล่าวอ้างของผู้ฟ้องคดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษา

หลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษาและการตั้งงบประมาณเพื่อให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาตรีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะรับทุนการศึกษาทั้งระดับปริญญาโทและปริญญาตรีจะต้อง - ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นผู้รับทุนการศึกษา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตั้งงบประมาณเพื่อให้ทุนการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น -ให้พิจารณาในสัดส่วนของผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นฝ่ายละเท่าๆกัน และสามารถเฉลี่ยสัดส่วนกันได้ -สามารถเฉลี่ยจำนวนทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ก็สามารถทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต้องไม่เกินจำนวนที่สามารถตั้งงบประมาณได้ ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้บริหาร ๒.บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสิทธิรับทุนการศึกษา สามารถเข้าศึกษาในสาขาวิชาที่กำหนดเป็นคุณวุฒิตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งในทุกตำแหน่งที่คณะกรรมการกลางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. เทศบาล และ อบต.)กำหนด ๓.สาขาที่เข้าศึกษาควรเป็นหลักสูตรพิเศษที่ใช้เวลาการศึกษานอกเวลาราชการ ๔.ระหว่างการศึกษาโดยได้รับทุนก

คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นคำสั่งทางปกครอง

คำสั่งศาลปกครองระยอง คดีหมายเลขแดงที่ 40/2546 สรุปข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุง ออกคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่ผู้ฟ้องคดี ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๔ เพียง ๐.๕ ขั้น ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากเป็นการใช้อำนาจกลั่นแกล้ง ประเมินผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าความเป็นจริง ผู้ฟ้องคดีจึงได้ร้องทุกข์ต่อ อ.ก.พ. จังหวัดจันทบุรี แต่ อ.ก.พ. จังหวัดจันทบุรี กลับยกคำร้องทุกข์ของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง คำวินิจฉัย ศาลปกครองระยองพิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองตามนัยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙และเนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ มิได้กำหนดวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองในเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะจึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในคดีฟังได้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุงมีเหตุโกรธเคือง และขัดแย้งกับผู้ฟ้องคดีมาก่อน จึงเห็นได้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุงในฐานะผู

ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก

ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีพิเศษไม่ต้องสอบแข่งขันสำหรับหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและครูผู้ดูแลเด็กเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2553 เห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีที่มรเหตุพิเศษโดยไม่จำเป็นต้องสอบแข่งขันสำหรับหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและครูผู้ดูแลเด็กเล็กเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล โดยมีสาระสำคัญดังนี้ - ตำแหน่งที่จะสามารถคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นกรณีพิเศษได้ ได้แก่พนักงานครูเทศบาลในตำแหน่ง ครูผู้ช่วย ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก และหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก - คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกกรณีมีเหตุพิเศษ 1. ดำรงตำแหน่งครูผู้ดูแลเด็ก และ/หรือ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งจัดจ้างโดยงบประมาณเงินอุดหนุนจากรัฐและจากเงินรายได้ของท้องถิ่นติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และ 2. เป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่องมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับ