ข้อหารือ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหารือกรณีการบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้เป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น หลังวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกับตำแหน่งที่สอบแข่งขันได้ จะมีผลประการใด
ข้อวินิจฉัย
๑.ในการบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งใดภายหลังวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ให้บรรจุแต่งตั้งจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งนั้น หรือในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน สำหรับกรณีข้อหารือที่บรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งอื่นซึ่ีงมิใช่เป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน พิจารณาได้ว่า
การบรรจุและแต่งตั้งไม่ถูกต้องมีผลให้ออกจากราชการโดยพลัน มี ๒ กรณี คือ
(๑) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามเบื้องต้น หรือ
(๒) ขาดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง
เมื่อผู้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งมีคุณสมบัติทั่วไปครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามรวมถึงมีคุณวุฒิตรงตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง หากแต่เป็นการบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งที่มิได้เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน อันเป็นผลให้บุคคลนั้นบรรจุแต่งตั้งไม่ถูกต้องนั้น ยังมิได้กำหนดผลว่าจะต้องออกจากราชการโดยพลันไว้แต่อย่างใด จึงอาจนำความตามข้อ ๑๓๘ แห่งประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล (หลัักเกณฑ์ ก.ท.จ.) ซึ่งระบุว่าพนักงานเทศบาลผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใดแล้ว หากปรากฎภายหลังว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งสำหรับตำแหน่งนั้น ให้นายกเทศมนตรีแต่งตั้งผู้นั้นให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นในระดับเดียวกันกับตำแหน่งเดิมโดยอนุโลม กล่าวคือ ให้นายกเทศมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพนักงานเทศบาล (ก.ท.จ.) ออกคำสั่งย้ายไปดำรงำตแหน่งที่สอบแข่งขันได้หรือในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน โดยพิจารณาปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งในแผนอัตรากำลัง ๓ ปี ให้ถูกต้องเสียก่อน
๒.การกำหนดให้การบรรจุแต่งตั้งในกรณีที่ไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งที่ตรงกับตำแหน่งที่บรรจุแต่งตั้ง ให้พิจารณาจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกันนั้น เป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันการทุจริตการสอบแข่งขัน และต้องการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้บรรจุแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถตรงตามตำแหน่งหรือในตำแหน่งที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกัน ดังนั้น การบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน จึงกำหนดให้มีผลออกจากราชการดดยพลันเช่นเดียวกับกรณีการมีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง มั้งนี้ ให้มีผลนับแต่วันที่คณะกรรมการพนักงานเทศบาล (ก.ท.จ.) ได้ประกาศหลักเกณฑ์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
หนังสือ สำนักงาน ก.ท.ที่ มท ๐๘๐๙.๒/ว ๙๓ ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐
หนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดเลขที่ตำแหน่งนักวิชาการวัฒนธรรม และการกำหนดบัญชีกลุ่มตำแหน่งที่มีลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวข้องและเกื้อกูลกัน และบัญชีงานที่เกี่ยวข้องกันตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง (มท 0809.9/ว820)
หารือกรณีบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน (มท 0809.2/ว 93)
การกำหนดงานที่เกี่ยวข้องกันตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการกำหนดตำแหน่งที่มีลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน(มท 0809.1/ว 54) [สิ่งที่ส่งมาด้วย]
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหารือกรณีการบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้เป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น หลังวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกับตำแหน่งที่สอบแข่งขันได้ จะมีผลประการใด
ข้อวินิจฉัย
๑.ในการบรรจุแต่งตั้งผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งใดภายหลังวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ให้บรรจุแต่งตั้งจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งนั้น หรือในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน สำหรับกรณีข้อหารือที่บรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งอื่นซึ่ีงมิใช่เป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน พิจารณาได้ว่า
การบรรจุและแต่งตั้งไม่ถูกต้องมีผลให้ออกจากราชการโดยพลัน มี ๒ กรณี คือ
(๑) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามเบื้องต้น หรือ
(๒) ขาดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง
เมื่อผู้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งมีคุณสมบัติทั่วไปครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามรวมถึงมีคุณวุฒิตรงตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง หากแต่เป็นการบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งที่มิได้เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน อันเป็นผลให้บุคคลนั้นบรรจุแต่งตั้งไม่ถูกต้องนั้น ยังมิได้กำหนดผลว่าจะต้องออกจากราชการโดยพลันไว้แต่อย่างใด จึงอาจนำความตามข้อ ๑๓๘ แห่งประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล (หลัักเกณฑ์ ก.ท.จ.) ซึ่งระบุว่าพนักงานเทศบาลผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใดแล้ว หากปรากฎภายหลังว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งสำหรับตำแหน่งนั้น ให้นายกเทศมนตรีแต่งตั้งผู้นั้นให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นในระดับเดียวกันกับตำแหน่งเดิมโดยอนุโลม กล่าวคือ ให้นายกเทศมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพนักงานเทศบาล (ก.ท.จ.) ออกคำสั่งย้ายไปดำรงำตแหน่งที่สอบแข่งขันได้หรือในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน โดยพิจารณาปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งในแผนอัตรากำลัง ๓ ปี ให้ถูกต้องเสียก่อน
๒.การกำหนดให้การบรรจุแต่งตั้งในกรณีที่ไม่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งที่ตรงกับตำแหน่งที่บรรจุแต่งตั้ง ให้พิจารณาจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกันนั้น เป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันการทุจริตการสอบแข่งขัน และต้องการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้บรรจุแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถตรงตามตำแหน่งหรือในตำแหน่งที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกัน ดังนั้น การบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน จึงกำหนดให้มีผลออกจากราชการดดยพลันเช่นเดียวกับกรณีการมีลักษณะต้องห้ามหรือขาดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง มั้งนี้ ให้มีผลนับแต่วันที่คณะกรรมการพนักงานเทศบาล (ก.ท.จ.) ได้ประกาศหลักเกณฑ์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
หนังสือ สำนักงาน ก.ท.ที่ มท ๐๘๐๙.๒/ว ๙๓ ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐
หนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดเลขที่ตำแหน่งนักวิชาการวัฒนธรรม และการกำหนดบัญชีกลุ่มตำแหน่งที่มีลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวข้องและเกื้อกูลกัน และบัญชีงานที่เกี่ยวข้องกันตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่ง (มท 0809.9/ว820)
หารือกรณีบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน (มท 0809.2/ว 93)
การกำหนดงานที่เกี่ยวข้องกันตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งและการกำหนดตำแหน่งที่มีลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวข้องเกื้อกูลกัน(มท 0809.1/ว 54) [สิ่งที่ส่งมาด้วย]
อยากเปลี่ยนสายงานจากวิศวกร 7ว ไปเป็นหัวหน้าสำนักงาน 7 รองปลัดเทศบาล 6 ทำได้หรือไม่ มีวุฒิป.โท รัฐประศาสนศาตร์ การปกครองท้องถิ่น
ตอบลบ