การปรับลดระดับตำแหน่งบริหารของเทศบาลขนาดเล็ก
๑.ประเด็นการปรับลดระดับตำแหน่งผู้บริหารที่ได้มีการปรับขยายระดับตำแหน่งไปแล้ว
พิจารณาแล้วมีมติว่า ประกาศ ก.ท.เรื่องหลักเกณฑ์การกำนดตำแหน่งพนักงานเทศบาลสายงานบริหารในเทศบาลขนาดเล็ก ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๘ ข้อ ๓ กำหนดว่า กรณีที่มีการปรับระดับตำแหน่งปลัดเทศบาล หรือผู้อำนวยการกองเป็นระดับ ๗ แล้ว ภายหลังตำแหน่งดังกล่าวว่าง นายกเทศมนตรีอาจสรรหาปลัดเทศบาลระดับ ๖ หรือหัวหน้ากองระดับ ๖ แทนตำแหน่งที่ว่างได้ตามความเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการปรับระดับตำแหน่งให้สูงขึ้นแล้ว แสดงให้เห็นถึงปริมาณงาน คุณภาพงาน และความยุ่งยากซับซ้อนของงานในตำแหน่งนั้นมีมากจนถึงระดับ ๗ กอปรกับประกาศ ก.ท.เรื่องมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำหนดขนาดเทศบาลและการกำหนดระดับตำแหน่งผู้บริหารของเทศบาล ให้กระทำได้เฉพาะรองปลัดเทศบาลและตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย ดังนั้น จึงเห็นว่า กรณีดังกล่าวไม่สามารถปรับลดระดับตำแหน่งปลัดเทศบาลและผู้อำนวยการกองจากระดับ ๗ เป็นระดับ ๖ ได้ เว้นแต่ เทศบาลจะมีเหตุผลความจำเป็นในด้านปริมาณงานและคุณภาพงานก็ให้รายงาน ก.ท.พิจารณาเป็นการเฉพาะราย
๒.ประเด็นการปรับขยายระดับตำแหน่งผู้บริหารที่ได้มีการปรับลดระดับตำแหน่งไปแล้ว หากต่อมาจะปรับขยายระดับตำแหน่งปลัดเทศบาลหรือหัวหน้ากอง จากระดับ ๖ เป็นระดับ ๗ อีก จะต้องประเมินตามหลักเกณฑ์อีกหรือไม่
พิจารณาได้ว่า ในการปรับขยายระดับตำแหน่งให้สูงขึ้น จะต้องมีการวิเคราะห์ตำแหน่งโดยพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นในด้านปริมาณงาน และคุณภาพงาน ดังนั้น ตำแหน่งผู้บริหารที่ได้มีการปรับลดระดับไปแล้ว และต่อมาจะปรับขยายระดับตำแหน่งให้สูงขึ้นอีก จึงจำเป็นต้องประเมินตามประกาศ ก.ท. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดระดับตำแหน่งพนักงานเทศบาลสายงานบริหารในเทศบาลขนาดเล็ก ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๘
๓.ประเด็นเทศบาลขนาดเล็ก ได้ปรับขยายระดับปลัดเทศบาลจากระดับ ๖ เป็นระดับ ๗ แล้ว ต่อมาจะขอปรับขยายระดับตำแหน่งหัวหน้ากองระดับ ๖ เป็นผู้อำนวยการกองระดับ ๗จะต้องประเมินตามหลักเกณฑ์อีกหรือไม่อย่างไร
พิจารณาได้ว่า ในการปรับขยายระดับตำแหน่งให้สูงขึ้น เป็นการวิเคราะห์ค่างานของตำแหน่งนั้นๆเป็นการเฉพาะ ว่ามีปริมาณงานและคุณภาพของงานถึงระดับนั้นหรือไม่ ดังนั้นหากตำแหน่งปลัดเทศบาลได้ปรับขยายเป็นระดับ ๗ แล้ว ต่อมาจะดำเนินการปรับขยายระดับตำแหน่งหัวหน้ากองระดับ ๖ เป็นผู้อำนวยการกองระดับ ๗ จึงต้องดำเนินการวิเคราะห์ตำแหน่งนั้น โดยพิจารณาจากปริมาณงานและคุณภาพงานที่เปลี่ยนไปจากเดิมจนถึงขนาดปรับตำแหน่งให้มีระดับที่สูงขึ้น
๔.ประเด็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง
พิจารณาได้ว่า ประกาศ ก.ท.เรื่อง หลักเกณฑ์การยุบเลิก ตำแหน่ง และเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตำแหน่งของพนักงานเทศบาล ฉบับลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ข้อ ๘ กำหนดว่า การขออนุมัติยุบเลิกตำแหน่งและการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตำแหน่ง คณะกรรมการพนักงานเทศบาล ต้องทำการวิเคราะห์ตำแหน่ง และจำเป็นต้องใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณา จึงให้เทศบาลได้ให้ความสำคัญกับการนำเสนอข้อมูล โดยกรอกเอกสารตามแบบให้ถูกต้อง กล่าวคือ จะต้องเป็นข้อมูลที่ตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ก.ท.จ.และเอกสารต้องครบถ้วน ประกอบไปด้วยข้อมูลตามแบบ ๑-๖ ดังนั้น เทศบาลต้องเสนอข้อมูลตามแบบ ๑-๖ ต่อ ก.ท.จ.ประกอบการพิจารณาด้วยทุกครั้งที่มีการรายงานขอปรับขยายหรือปรับลดระดับตำแหน่งบริหารของเทศบาล
หนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง
หนังสือสำนักงาน ก.ท. ที่ มท ๐๘๐๙.๒/ว ๒๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
๑.ประเด็นการปรับลดระดับตำแหน่งผู้บริหารที่ได้มีการปรับขยายระดับตำแหน่งไปแล้ว
พิจารณาแล้วมีมติว่า ประกาศ ก.ท.เรื่องหลักเกณฑ์การกำนดตำแหน่งพนักงานเทศบาลสายงานบริหารในเทศบาลขนาดเล็ก ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๘ ข้อ ๓ กำหนดว่า กรณีที่มีการปรับระดับตำแหน่งปลัดเทศบาล หรือผู้อำนวยการกองเป็นระดับ ๗ แล้ว ภายหลังตำแหน่งดังกล่าวว่าง นายกเทศมนตรีอาจสรรหาปลัดเทศบาลระดับ ๖ หรือหัวหน้ากองระดับ ๖ แทนตำแหน่งที่ว่างได้ตามความเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการปรับระดับตำแหน่งให้สูงขึ้นแล้ว แสดงให้เห็นถึงปริมาณงาน คุณภาพงาน และความยุ่งยากซับซ้อนของงานในตำแหน่งนั้นมีมากจนถึงระดับ ๗ กอปรกับประกาศ ก.ท.เรื่องมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การกำหนดขนาดเทศบาลและการกำหนดระดับตำแหน่งผู้บริหารของเทศบาล ให้กระทำได้เฉพาะรองปลัดเทศบาลและตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย ดังนั้น จึงเห็นว่า กรณีดังกล่าวไม่สามารถปรับลดระดับตำแหน่งปลัดเทศบาลและผู้อำนวยการกองจากระดับ ๗ เป็นระดับ ๖ ได้ เว้นแต่ เทศบาลจะมีเหตุผลความจำเป็นในด้านปริมาณงานและคุณภาพงานก็ให้รายงาน ก.ท.พิจารณาเป็นการเฉพาะราย
๒.ประเด็นการปรับขยายระดับตำแหน่งผู้บริหารที่ได้มีการปรับลดระดับตำแหน่งไปแล้ว หากต่อมาจะปรับขยายระดับตำแหน่งปลัดเทศบาลหรือหัวหน้ากอง จากระดับ ๖ เป็นระดับ ๗ อีก จะต้องประเมินตามหลักเกณฑ์อีกหรือไม่
พิจารณาได้ว่า ในการปรับขยายระดับตำแหน่งให้สูงขึ้น จะต้องมีการวิเคราะห์ตำแหน่งโดยพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นในด้านปริมาณงาน และคุณภาพงาน ดังนั้น ตำแหน่งผู้บริหารที่ได้มีการปรับลดระดับไปแล้ว และต่อมาจะปรับขยายระดับตำแหน่งให้สูงขึ้นอีก จึงจำเป็นต้องประเมินตามประกาศ ก.ท. เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดระดับตำแหน่งพนักงานเทศบาลสายงานบริหารในเทศบาลขนาดเล็ก ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๘
๓.ประเด็นเทศบาลขนาดเล็ก ได้ปรับขยายระดับปลัดเทศบาลจากระดับ ๖ เป็นระดับ ๗ แล้ว ต่อมาจะขอปรับขยายระดับตำแหน่งหัวหน้ากองระดับ ๖ เป็นผู้อำนวยการกองระดับ ๗จะต้องประเมินตามหลักเกณฑ์อีกหรือไม่อย่างไร
พิจารณาได้ว่า ในการปรับขยายระดับตำแหน่งให้สูงขึ้น เป็นการวิเคราะห์ค่างานของตำแหน่งนั้นๆเป็นการเฉพาะ ว่ามีปริมาณงานและคุณภาพของงานถึงระดับนั้นหรือไม่ ดังนั้นหากตำแหน่งปลัดเทศบาลได้ปรับขยายเป็นระดับ ๗ แล้ว ต่อมาจะดำเนินการปรับขยายระดับตำแหน่งหัวหน้ากองระดับ ๖ เป็นผู้อำนวยการกองระดับ ๗ จึงต้องดำเนินการวิเคราะห์ตำแหน่งนั้น โดยพิจารณาจากปริมาณงานและคุณภาพงานที่เปลี่ยนไปจากเดิมจนถึงขนาดปรับตำแหน่งให้มีระดับที่สูงขึ้น
๔.ประเด็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง
พิจารณาได้ว่า ประกาศ ก.ท.เรื่อง หลักเกณฑ์การยุบเลิก ตำแหน่ง และเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตำแหน่งของพนักงานเทศบาล ฉบับลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ข้อ ๘ กำหนดว่า การขออนุมัติยุบเลิกตำแหน่งและการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตำแหน่ง คณะกรรมการพนักงานเทศบาล ต้องทำการวิเคราะห์ตำแหน่ง และจำเป็นต้องใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณา จึงให้เทศบาลได้ให้ความสำคัญกับการนำเสนอข้อมูล โดยกรอกเอกสารตามแบบให้ถูกต้อง กล่าวคือ จะต้องเป็นข้อมูลที่ตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน ก.ท.จ.และเอกสารต้องครบถ้วน ประกอบไปด้วยข้อมูลตามแบบ ๑-๖ ดังนั้น เทศบาลต้องเสนอข้อมูลตามแบบ ๑-๖ ต่อ ก.ท.จ.ประกอบการพิจารณาด้วยทุกครั้งที่มีการรายงานขอปรับขยายหรือปรับลดระดับตำแหน่งบริหารของเทศบาล
หนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง
หนังสือสำนักงาน ก.ท. ที่ มท ๐๘๐๙.๒/ว ๒๖๕ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น