ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ข้อหารือการปรับปรุงระดับตำแหน่งบริหารของเทศบาลขนาดกลาง (เดิม)

ข้อหารือ

การปรับปรุงระดับตำแหน่งบริหารของเทศบาลขนาดกลาง (เดิม)ให้มีระดับที่สูงขึ้น

คำวินิจฉัย

1. ประเด็นการกำหนดตำแหน่งปลัดเทศบาลในแผนอัตรา กำลัง 3 ปี
1.1 กรณีเป็นเทศบาลขนาดกลางเดิม และมีกรอบระดับตำแหน่งปลัดเทศบาลเป็นระดับ 7 การกำหนดตำแหน่งปลัดเทศบาล
มติ ก.ท. ครั้งที่ 9/2552
ในแผนอัตรากำลัง 3 ปี จะต้องกำหนดเป็นระดับ 7 หากจะปรับขยายเป็นระดับ 8 จะต้องปรับปรุงตำแหน่ง ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และให้ถือว่าเป็นการปรับปรุงแผนอัตรากำลัง 3 ปี ในคราวเดียวกัน สำหรับการปรับปรุงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการให้มีระดับสูงขึ้น ก็ให้พิจารณาตามหลักการวิเคราะห์ปริมาณงานและคุณภาพงาน และเงื่อนไขที่ ก.ท. กำหนด
1.2 กรณีตำแหน่งปลัดเทศบาล ระดับ 7 ของเทศบาลขนาดกลางเดิมว่างลง จะต้องกำหนดตำแหน่งเป็นระดับ 8 เพื่อให้ระดับตำแหน่งบริหารมีมาตรฐานเดียวกัน ตามโครงสร้างระดับตำแหน่งผู้บริหารของเทศบาลขนาดกลาง

2. ประเด็นการปรับขยายระดับตำแหน่งบริหารให้มีระดับ สูงขึ้น
พิจารณาได้ว่า การปรับระดับปลัดเทศบาล จากระดับ 7 เป็นระดับต้อง 8 นอกจากจะต้องผ่านการประเมินเกณฑ์ปริมาณงาน และเกณฑ์ประสิทธิภาพแล้ว ต้องผ่านเกณฑ์รายได้ของเทศบาล ที่ไม่รวมเงินอุดหนุนในปีงบประมาณที่ผ่านมาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป สำหรับการปรับระดับตำแหน่งผู้อำนวยการกอง และรองปลัดเทศบาล จากระดับ 7 เป็นระดับ 8 ต้องผ่านเกณฑ์รายได้ของเทศบาลที่ไม่รวมเงินอุดหนุน ในปีงบประมาณที่ผ่านมาตั้งแต่ 40 ล้านบาท ขึ้นไปด้วย

3. ประเด็นการขอยกเว้นให้สามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่ม ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนฯ งวดที่ 5 และงวดที่ 6 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2551ที่กำหนดให้เป็นรายได้ของเทศบาลประจำปีงบประมาณ 2552 เป็นรายได้ของเทศบาลประจำปี 2551 เป็นการเฉพาะกรณีสำหรับการกำหนดระดับตำแหน่งผู้บริหารของเทศบาลให้มีระดับที่สูงขึ้น
พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่อาจยกเว้นเป็นการเฉพาะกรณีได้ เนื่องจากการกำหนดรายได้ประจำปีของเทศบาล เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งกำหนดระยะเวลาการนับปีงบประมาณไว้อย่างชัดเจน และเป็นการทั่วไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษา

หลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษาและการตั้งงบประมาณเพื่อให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาตรีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะรับทุนการศึกษาทั้งระดับปริญญาโทและปริญญาตรีจะต้อง - ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นผู้รับทุนการศึกษา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตั้งงบประมาณเพื่อให้ทุนการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น -ให้พิจารณาในสัดส่วนของผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นฝ่ายละเท่าๆกัน และสามารถเฉลี่ยสัดส่วนกันได้ -สามารถเฉลี่ยจำนวนทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ก็สามารถทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต้องไม่เกินจำนวนที่สามารถตั้งงบประมาณได้ ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้บริหาร ๒.บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสิทธิรับทุนการศึกษา สามารถเข้าศึกษาในสาขาวิชาที่กำหนดเป็นคุณวุฒิตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งในทุกตำแหน่งที่คณะกรรมการกลางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. เทศบาล และ อบต.)กำหนด ๓.สาขาที่เข้าศึกษาควรเป็นหลักสูตรพิเศษที่ใช้เวลาการศึกษานอกเวลาราชการ ๔.ระหว่างการศึกษาโดยได้รับทุนก

คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นคำสั่งทางปกครอง

คำสั่งศาลปกครองระยอง คดีหมายเลขแดงที่ 40/2546 สรุปข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุง ออกคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนให้แก่ผู้ฟ้องคดี ประจำปีงบประมาณ ๒๕๔๔ เพียง ๐.๕ ขั้น ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากเป็นการใช้อำนาจกลั่นแกล้ง ประเมินผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าความเป็นจริง ผู้ฟ้องคดีจึงได้ร้องทุกข์ต่อ อ.ก.พ. จังหวัดจันทบุรี แต่ อ.ก.พ. จังหวัดจันทบุรี กลับยกคำร้องทุกข์ของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง คำวินิจฉัย ศาลปกครองระยองพิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองตามนัยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙และเนื่องจากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ มิได้กำหนดวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองในเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะจึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในคดีฟังได้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุงมีเหตุโกรธเคือง และขัดแย้งกับผู้ฟ้องคดีมาก่อน จึงเห็นได้ว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลขลุงในฐานะผู

ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก

ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีพิเศษไม่ต้องสอบแข่งขันสำหรับหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและครูผู้ดูแลเด็กเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2553 เห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีที่มรเหตุพิเศษโดยไม่จำเป็นต้องสอบแข่งขันสำหรับหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและครูผู้ดูแลเด็กเล็กเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล โดยมีสาระสำคัญดังนี้ - ตำแหน่งที่จะสามารถคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นกรณีพิเศษได้ ได้แก่พนักงานครูเทศบาลในตำแหน่ง ครูผู้ช่วย ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก และหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก - คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกกรณีมีเหตุพิเศษ 1. ดำรงตำแหน่งครูผู้ดูแลเด็ก และ/หรือ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งจัดจ้างโดยงบประมาณเงินอุดหนุนจากรัฐและจากเงินรายได้ของท้องถิ่นติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และ 2. เป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่องมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับ