ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ออกคำสั่งให้เกษียณอายุราชการผิดวัน

ปัญหา

จังหวัดเชียงราย หารือกรณี ลูกจ้างประจำ ตำแหน่ง พนักงานขับรถดับเพลิง สังกัดทต.เวียงป่าเป้า ได้ยื่นเรื่องขอรับเงินบำเหน็จปกติ ซึ่งเทศบาลมีคำสั่งให้พ้นจากราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตค. 2550 ข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายบุญช่วงฯ เกิดเมื่อ 8 ส.ค.2494 มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ในวัน ที่ 8 ส.ค. 2549 และจะต้องเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2549 ตามประกาศ ก.ท.จ.ชร.ข้อ 392(2) การที่เทศบาลมีคำ สั่งให้พ้นจาก ราชการในวันที่ 1 ตค.2550 จึง เป็นคำสั่งให้พ้นจากราชการเมื่ออายุครบ 56 ปีโดยไม่ปรากฏว่า ก...ชร.ได้พิจารณายกเว้น คุณสมบัติในเรื่องอายุให้แก่นายบุญช่วงฯ ตามนัยประกาศ ...ชร.ข้อ 393 แต่อย่างใด

จังหวัด เชียงราย มีความเห็นว่าคำสั่งให้นายบุญช่วงฯ พ้นจากราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 เป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วย กฎหมายและขอหารือแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติม ดังนี้

1.1 ...เชียงราย สามารถพิจารณายกเว้นให้ลูกจ้างผู้ที่ขาดคุณสมบัติตามข้อ 392(2) ตามนัย ข้อ 393 ของประกาศ ก...เชียงรายฯ ย้อนหลังได้หรือไม่

1.2 กรณีของนายบุญช่วงฯ เทศบาลตำบลเวียงป่าเป้า จะต้องเรียกคืนเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่น ซึ่งได้จ่ายให้แก่บุคคลดังกล่าวไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 - 30 กันยายน 2550 ได้หรือไม่

1.3 การนับเวลาราชการปกติในการคำนวณบำเหน็จกรณีนี้ควรเป็น อย่างไร

คำวินิจฉัย

ประเด็นที่ 1.1 และ 1.3 ...เชียงราย สามารถพิจารณายกเว้นให้ลูกจ้างผู้ที่ขาดคุณสมบัติตามข้อ 392(2) ตามนัยข้อ 393 ของประกาศ ก...เชียงรายฯ ย้อนหลังได้หรือไม่ และการนับเวลาราชการ มีแนวทางการพิจารณาอย่างไร ปกติในการคำนวณบำเหน็จกรณีนี้ควรเป็นอย่างไร

พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ ก...เชียงราย จะมีอำนาจในการพิจารณายกเว้นคุณสมบัติในเรื่องอายุให้แก่ลูกจ้าง ตามนัยข้อ 393 ก็ตาม แต่เนื่องจากคุณสมบัติเรื่องอายุของลูกจ้างเป็นเงื่อนไขที่มีกำหนดเวลาแน่ นอนที่มีผลให้ผู้นั้นพ้นจากราชการ การพิจารณายกเว้น คุณสมบัติตามที่หารือนี้ จะต้องพิจารณายกเว้นก่อนระยะเวลาตามเงื่อนไขนั้นถึงกำหนด จึงจะมีผลให้บุคคลนั้นมีคุณสมบัติที่จะเป็นลูกจ้างประจำต่อไปได้ และจะต้องกระทำโดยมีเหตุผลความจำเป็นที่แสดงให้เห็นว่า เป็นกรณีจำเป็นที่ต้องจ้างบุคคลนั้น แม้ว่าบุคคล นั้นจะเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติเรื่องอายุก็ตาม

ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า การสั่งให้พ้นจากราชการเกิดจากความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการนับวันพ้นจากราช การของทต.เวียงป่าเป้า จากวันที่ 1 ตุลาคม 2549 เป็นวัน ที่ 1 ตุลาคม 2550 ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการพิจารณายกเว้นคุณสมบัติเกี่ยวกับ อายุ จึงไม่อาจอ้างเหตุแห่งการออกคำสั่งผิดพลาดมายกเว้นคุณสมบัติลูกจ้าง ประจำรายนี้ได้

สำหรับการนับเวลาราชการในการคำนวณบำเหน็จ พิจารณาแล้วเห็นว่า การคำนวณบำเหน็จหรือสิทธิอันพึงมีพึงได้อันเกิดจากการพ้นจากราชการย่อมเป็น ไปตามวันที่พ้นจากราชการที่ชอบด้วยกฎหมาย

ประเด็นที่ 1.2 กรณีเทศบาลจะต้องเรียกคืนเงินเดือน และประโยชน์ตอบแทนอื่น ซึ่งได้จ่ายให้แก่บุคคลดังกล่าว

ตั้งแต่วันที่ 1 ตค.49 – 30 กย.50 ได้หรือไม่

พิจารณาแล้วเห็นว่า การ ได้รับเงินเดือน หรือประโยชน์ตอบแทนอื่น เป็นการได้รับเพื่อการตอบแทนจากการทำงานให้แก่ทางราชการ ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ลูกจ้างประจำรายนี้ยังคงปฏิบัติงานในตำแหน่ง พนักงานขับรถดับเพลิงอยู่ ตามคำสั่งบรรจุและแต่งตั้งที่ยังไม่มีคำสั่งให้พ้นจากราชการ กรณีจึงไม่กระทบกระเทือนถึงการรับเงินเดือน หรือประโยชน์ตอบแทนอื่นที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับจากเทศบาล ในการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่และความ รับผิดชอบตามตำแหน่งในระหว่างนั้น

ทั้งนี้ อาจนำหลักการตามที่กำหนดไว้ในข้อ 122 ของประกาศ ก...เชียงราย เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของพนักงานเทศบาล มาใช้พิจารณาโดยอนุโลม

ดังนั้น เทศบาลตำบลเวียงป่าเป้า จึงต้องจ่ายเงินเดือน หรือประโยชน์ตอบแทนอื่นใดที่เป็นสิทธิตามกฎหมายให้แก่ผู้นั้นอย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวเป็นการที่จะต้องเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ แต่งตั้งนายบุญช่วงฯ เป็นลูกจ้างของเทศบาลเวียงป่าเป้า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 30 กันยายน2550 อัน เป็นคำสั่งที่เป็นการให้เงินโดยให้มีผลย้อนหลัง การ ที่จะต้องคืนเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นที่นายบุญช่วงฯ ได้ไปจากคำสั่งที่ถูกเพิกถอนดังกล่าวหรือไม่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข มาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองด้วย

(มติ ก.ท. ครั้งที่ 1/2552)

หมายเหตุ ในปัจจุบันได้มีการแก้ไขเรื่องการเกษียณอายุของลูกจ้างประจำขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น เป็นเกษียณเมื่ออายุ 60 แล้ว ตามหนังสือสั่งการ ประกาศ ..,.. เรื่องมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการบริหารงนบุคคลสำหรับลูกจ้างของ อบจ. และเทศบาล (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1) .. 2552 (มท 0809.5/91)


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อำนาจปลัดเทศบาลปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรี

หนังสือสำนักงาน ก.ท.ที่ มท ๐๘๐๙.๒/ว ๑๗๑ ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔เรื่อง ขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของปลัดองค์กรปกครอองส่วนท้องถิ่นในการปฏิบัติหน้าที่นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีไม่มีนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ก.ท. ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๔ เมื่อวันที่  ๒๙ กันยายน ๒๕๕๔ ได้มีมติให้ถือปฏิบัติตามแนวทางของมติ ก.อบต.ในคราวการประชุมครั้งที่  ๕/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ที่ให้ตอบข้อหารือของจังหวัดจันทบุรี กรณีปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล จะสามารถพิจารณากรณีโอน(ย้าย) พนักงานส่วนตำบลสายผู้ปฏิบัติได้หรือไม่ การใช้อำนาจของผู้ครองอำนาจชั่วคราวที่กฎหมายกำหนดให้ใช้เท่าที่จำเป็น เป็นกรณีที่ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป และไม่อาจกำหนดอำนาจที่แน่นอนได้  สำหรับขอบเขตของคำว่า เท่าที่จำเป็น   เห็นว่าเมื่อไม่ปรากฏนิยามของคำว่าเท่าที่จำเป็น ไว้ในกฎหมายเป็นการเฉพาะจึงอาจพิจารณาเทียบเคียงความหมายของคำว่า จำเป็น ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒  ที่อธิบายคุณลักษณะว่า “ต้องเป็นอย่างนั้น,ต้องทำ,ขาดไม่ได้” ดังนั้นการพิจารณ...

ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก

ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีพิเศษไม่ต้องสอบแข่งขันสำหรับหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและครูผู้ดูแลเด็กเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2553 เห็นชอบให้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกรณีที่มรเหตุพิเศษโดยไม่จำเป็นต้องสอบแข่งขันสำหรับหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและครูผู้ดูแลเด็กเล็กเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานครูเทศบาล โดยมีสาระสำคัญดังนี้ - ตำแหน่งที่จะสามารถคัดเลือกเพื่อบรรจุเป็นกรณีพิเศษได้ ได้แก่พนักงานครูเทศบาลในตำแหน่ง ครูผู้ช่วย ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก และหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก - คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกกรณีมีเหตุพิเศษ 1. ดำรงตำแหน่งครูผู้ดูแลเด็ก และ/หรือ หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งจัดจ้างโดยงบประมาณเงินอุดหนุนจากรัฐและจากเงินรายได้ของท้องถิ่นติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และ 2. เป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่องมาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเบื้องต้นสำหรับ...

หลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษา

หลักเกณฑ์การให้ทุนการศึกษาและการตั้งงบประมาณเพื่อให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาตรีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะรับทุนการศึกษาทั้งระดับปริญญาโทและปริญญาตรีจะต้อง - ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นผู้รับทุนการศึกษา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการตั้งงบประมาณเพื่อให้ทุนการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น -ให้พิจารณาในสัดส่วนของผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นฝ่ายละเท่าๆกัน และสามารถเฉลี่ยสัดส่วนกันได้ -สามารถเฉลี่ยจำนวนทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ก็สามารถทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต้องไม่เกินจำนวนที่สามารถตั้งงบประมาณได้ ทั้งนี้อยู่ในดุลยพินิจของผู้บริหาร ๒.บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสิทธิรับทุนการศึกษา สามารถเข้าศึกษาในสาขาวิชาที่กำหนดเป็นคุณวุฒิตามคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่งในทุกตำแหน่งที่คณะกรรมการกลางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. เทศบาล และ อบต.)กำหนด ๓.สาขาที่เข้าศึกษาควรเป็นหลักสูตรพิเศษที่ใช้เวลาการศึกษานอกเวลาราชการ ๔.ระหว่างการศึกษาโดยได้รับทุนก...